WHAT'S NEW?
Loading...

รู้หรือไม่! ปลาของไทยมี โอเมก้า 3 สูงกว่าแซลมอล 3 เท่า รู้แบบนี้หันมากินปลาไทยดีกว่า

Advertisements

Advertisements
ภาพ : wikimedia

รู้หรือไม่! ปลาของไทยมี โอเมก้า 3 สูงกว่าแซลมอล 3 เท่า รู้แบบนี้หันมากินปลาไทยดีกว่า

ปกติแล้วเมื่อเราได้ยินคำว่า “โอเมก้า–3” เราก็มักจะนึกถึงกรดไขมันดีที่มีอยู่ในปลาทะเลที่มีราคาแพง ๆ อย่างเช่น ปลาแซลมอล, ปลาเทราต์, ปลาซาร์ดีน, ปลาทูน่า, ปลาแมคคาเรล ซึ่งเป็นปลาที่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเมืองไทยเราก็มีปลาที่มีประโยชน์เหมือนกัน

โดยเฉพาะกับปลาน้ำจืดที่เรา ๆไม่ค่อยจะนึกถึงสักเท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่าจริง ๆแล้วมีปลาน้ำจืดบางชนิดที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงไม่แพ้ปลาทะเลจากเมืองนอกเลยทีเดียว และปลาน้ำจืดที่ว่านี้ก็คือ “ปลาสวาย”ของไทยเรานี่แหละ ว่ากันว่ามีโอเมก้า 3 สูงถึง 2,570 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม มากกว่าปลาทะเลอย่างปลาแซลมอนที่มีโอเมก้า 3 ราว ๆ 1,000-1,700 มิลลิกรัม ถึง 3 เท่าด้วยกัน

นอกจากปลาสวายแล้ว ยังมีปลาช่อนที่มีโอเมก้า 3 สูงถึง 870 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม รวมทั้งปลากะพงขาวมีโอเมก้า 3 ประมาณ 310 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม ซึ่งปลาน้ำจืดของไทยนี้หาซื้อไม่ยาก แถมยังราคาถูกกว่าปลาทะเลน้ำลึกอีกด้วย

ทีนี้มาทำความรู้จักกับคำว่า “โอเมก้า 3” กันอีกสักนิด ว่าเจ้าตัวนี้มันมีดีอย่างไรต่อร่างกายของเรา

1. ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด เพราะโอเมก้า 3จะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันอิ่มตัว หรือคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดอุดตัน ประการที่

2. บำรุงสมอง เพราะกรดไขมัน DHA ในโอเมก้า 3 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสมองในส่วนความจำ การเรียนรู้ ความสามารถของสมอง อารมณ์ และพฤติกรรม

3. บำรุงระบบประสาทและสายตา เพราะโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อการสร้างผนังเซลล์

4. กรด EPA ในน้ำมันปลามีบทบาทสำคัญในการรักษาโรคซึมเศร้า อาการขาดสมาธิ นอนไม่หลับ และประการสุดท้าย ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ


ที่มา : Thaiquote

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น