WHAT'S NEW?
Loading...

แชร์เพื่อเป็นกุศล! วิธีรักษาอาการตาพร่ามัว ใช้สายตามาก แก้ปวดหัวไมเกรน จากคุณหมอ

Advertisements

Advertisements

แชร์เพื่อเป็นกุศล! วิธีรักษาอาการตาพร่ามัว ใช้สายตามาก แก้ปวดหัวไมเกรน จากคุณหมอ


อาการปวดศีรษะเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นผลของโรคไมเกรน พฤติกรรมจ้องหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ โดยเฉพาะเหล่าพนักงานออฟฟิศที่มักจะรู้สึกปวดหัว ปวดตา ล้าสายตากันอยู่บ่อย ๆ 

วันนี้เรามีวิธีนวดรักษาอาการไมเกรน อาการตามัว ปวดหัว แถมยังเป็นการนวดที่ช่วยให้รอยตีนกาและริ้วรอยบนใบหน้าหายไปอีกต่างหาก มาดูเคล็ดลับการนวดแก้ไมเกรนจากคลิปวิดีโอนี้กันเลย

โดยคลิปนี้เป็นวิธีนวดแก้ไมเกรน อาการปวดศีรษะ ปวดตา ของอาจารย์สุวัฒน์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งอาจารย์ได้แนะนำวิธีการนวดแก้ปวดขมับ รักษาอาการปวดหัวไมเกรน ปวดตา ตามัวด้วยตัวเองง่าย ๆ 

โดยอาจารย์ได้บอกไว้ว่า การนวดนี้เป็นเสมือนการบริหารกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง อีกทั้งยังช่วยบริหารสายตาให้มีความคงที่มากขึ้น จากที่สายตาสั้นอยู่แล้วจะไม่สั้นไปมากกว่าเดิม หรือสายตายาวก็จะไม่ยาวขึ้นด้วย 

ที่สำคัญอาจารย์สุวัฒน์ยังบอกอีกด้วยนะคะว่า หากนวดตามคำแนะนำทุกวัน นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะแล้ว ยังช่วยลดเลือนรอยตีนกาและริ้วรอยบนใบหน้าได้อีกต่างหาก
        
        

1. เริ่มจากประสานมือไว้ที่ท้ายทอย ใช้นิ้วโป้งคลำหาเส้นกล้ามเนื้อที่แข็งตึงให้เจอ


2. เมื่อเจอเส้นแข็งบริเวณต้นคอแล้ว ให้ใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างนวดคลึงไปเรื่อย ๆ ประมาณ 2-3 นาที หรือจนกว่าเส้นกล้ามเนื้อที่แข็งจากการหดเกร็งจะคลายตัวจนนิ่มลง โดยการนวดจุดนี้จะช่วยคลายความเมื่อยล้าของสายตาได้เป็นอย่างดี


3. หากรู้สึกเมื่อยนิ้วโป้งสามารถเปลี่ยนท่ามาใช้อุ้งมือนวดเส้นแข็งแทนได้


4. นวดเส้นกล้ามเนื้อท้ายทอยจนคลายตัวแล้ว ให้เปลี่ยนมากดจุดเจ็บบริเวณกกหู โดยใช้นิ้วโป้งคลำดูเส้นกล้ามเนื้อที่แข็งและนูนออกมา ณ จุดนี้


5. ค่อย ๆ ใช้นิ้วโป้งกดจุดเจ็บเบา ๆ พยุงศีรษะอีกด้านไว้ด้วยมืออีกข้าง แล้วกดจุดพร้อมกับเงยศีรษะขึ้นข้างบน ท่านี้อาจทำให้มีเสียงในกกหูหรือมีอาการหูอื้อ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะเป็นผลจากการที่เรากดจุดเท่านั้น อีกสักพักอาการจะหายไปเอง


6. เมื่อกดจุดเจ็บจนรู้สึกดีขึ้น ให้ก้มศีรษะลงเล็กน้อย แล้วใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างคลำหาเส้นที่แข็งบริเวณด้านหลังศีรษะ โดยคลำไล่ขึ้นไปด้านบน






ที่มา...http://www.share-si.com/2016/04/blog-post_716.html

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น