WHAT'S NEW?
Loading...

ไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป ท่าออกกำลังเพื่อยืดเอ็นร้อยหวาย แก้การอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้า

Advertisements

Advertisements

ไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป ท่าออกกำลังเพื่อยืดเอ็นร้อยหวาย แก้การอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้า

พังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ หรือรองช้ำ คือภาวะที่มีการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้า เป็นโรคที่พบได้บ่อยโรคหนึ่ง ส่วนใหญ่พบในผู้มีอายุอยู่ระหว่าง 40 – 70 ปี โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และส่วนใหญ่มีน้ำหนักตัวเกินกว่ามาตรฐาน

สาเหตุ

มีการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้าสืบเนื่องมาจากการบาดเจ็บของพังผืดบริเวณจุดเกาะที่กระดูกส้นเท้า โดยการบาดเจ็บนี้มักจะเป็นการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ ที่สะสมมานาน มักพบร่วมกับการมีเอ็นร้อยหวายตึง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ การขาดการออกกำลังกาย หรือการออกกำลังกายอย่างไม่เหมาะสม

อาการและอาการแสดง

ส่วนใหญ่มีอาการปวดใต้ส้นเท้า อาการปวดจะเป็นมากในชวงเช้าโดยเฉพาะก้าวแรกที่ลงจากเตียง หรือเมื่อยืนลงน้ำหนักหลังจากนั่งเป็นระยะเวลานาน เมื่อเดินไประยะหนึ่งอาการมักจะดีขึ้น หากการอักเสบรุนแรงขึ้นอาการปวดอาจเป็นมากขึ้นหลังจากยืนหรือเดินมากได้ ตรวจร่างกายพบจุดกดเจ็บบริเวณ ใต้ส้นเท้าค่อนมาทางด้านใน อาจมีอาการบวมหรือแดงของผิวหนังร่วมด้วย เมื่อกระดกนิ้วเท้าขึ้นอาจทำให้มีอาการปวดตามแนวพังผืดฝ่าเท้าไปจนถึงส้นเท้าได้

การรักษา

1.การแช่เท้าในน้ำอุ่นจะช่วยให้สบายขึ้น

2.การรับประทานหรือทายาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อลดการอักเสบ

3.การทำกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวดและอาการอักเสบ เช่น การทำอัลตราซาวด์ เป็นต้น

4.การออกกำลังเพื่อยืดเอ็นร้อยหวาย โดยทำวันละ 2 – 3 รอบ ๆ ละ 10 – 15 ครั้ง

การยืดเอ็นร้อยหวาย (ท่าที่ 1):

ผู้ป่วยยืยหันหน้าเข้าหากำแพงใช้มือยันกำแพงไว้ วางเท้าที่ต้องการยืดเอ็นร้อยหวายไว้ข้างหลัง งอข้อศอกพร้อมกับ ย่อเข่าด้านหน้าลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยขาด้านหลังเหยียดตึงและส้นเท้าติดพื้นตลอดเวลา ย่อลงจนรู้สึกว่าน่องด้านหลังตึงแล้วค้างไว้นับ 1 – 10 ถือเป็น 1 ครั้ง

การยืดเอ็นร้อยหวาย (ท่าที่ 2):

ผู้ป่วยนั่งเหยียดขาข้างที่ต้องการยืดเอ็นร้อยหวาย ใช้ผ้าคล้องที่ปลายเท้าไว้ แล้วดึงเข้าหาตัวจนรู้สึกว่าน่องด้านหลังตึง ค้างไว้นับ 1 – 10 ถือเป็น 1 ครั้ง

การยืดเอ็นร้อยหวาย (ท่าที่ 3):

ผู้ป่วยยืนบนขอบพื้นต่างระดับ โน้มตัวไปข้างหน้าจนรู้สึกว่าน่องด้านหลังตึง ค้างไว้นับ 1 – 10 ถือเป็น 1 ครั้ง

5. การฉีดยาสเตียรอยด์ตรงตำแหน่งที่ปวดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ วิธีนี้จะลดการอักเสบได้ดี แต่ไม่ควรทำมากกว่า 2 – 3 ครั้งต่อปี เพราะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเอ็นขาด

6. การเลือกใช้รองเท้าที่เหมาะสม คือมีส้นเล็กน้อย (สูงประมาณ 1 – 1.5 นิ้ว) เพื่อเป็นการถ่ายเทน้ำหนักตัวจากส้นเท้าไปยังฝ่าเท้า ส่วนหน้าซึ่งจะช่วยให้อาการปวดลดลง

7.การปรับรองเท้าให้เหมาะสม เพื่อช่วยลดอาการปวด โดยการใช้อุปกรณ์เสริมบริเวณอุ้งเท้าด้านใน และบริเวณส้นเท้าโดยใช้วัสดุที่มีความยืดหยุ่นที่เหมาะสมเพื่อกระจายและลดแรงกระแทกบริเวณส้นเท้าและเป็นการถ่ายน้ำหนักไปยังฝ่าเท้าส่วนหน้า

การป้องกัน


การออกกำลังเพื่อยืดเอ็นร้อยหวายอย่างสม่ำเสมอและการเลือกใส่รองเท้าที่เหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค และช่วยป้องกันการกลับเป็นซ้ำได้

คณะแพทยศาสต์ศิริราชพยาบาล 

ข้อมูลจากเพจ นพดล อุ่นตา 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น