วิธีกำจัดตาปลาให้หายไป เพียงใช้ของ 6 สิ่งนี้ บอกเลยว่าง่ายมาก!!!
6 วิธีรักษาตาปลาให้หายไป
หลากหลายวิธีตั้งแต่การการรักษาด้วยตนเองและรักษาโดยแพทย์ ซึ่งวิธีการรักษาด้วยแพทย์จะเป็นวิธีที่รักษาให้หายได้เร็ว แต่มีค่าใช้จ่ายสูง และเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่มีตาปลาขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะรักษาให้หายได้เอง ส่วนวิธีการรักษาด้วยตนเอง ก็มีหลายวิธี ดังนี้
1. กระเทียมสด ให้ฝานกระเทียมสดเป็นชิ้นหนาๆ แล้วนำมาถูบริเวณที่เป็น และแปะส่วนที่เหลือตรงตาปลา พันผ้าพันแผลทับ แล้วปล่อยไว้ข้ามคืน จึงค่อยแกะทิ้ง ทำซ้ำทุกคืน นานประมาณ 1-2 สัปดาห์ น้ำกระเทียมสดจะช่วยรักษาอาการที่เป็นอยู่ให้หายเร็วขึ้น หรือลองฝานมะนาวสดหรือสับปะรดหั่นเป็นชิ้นบางๆ มาแปะแทน ก็ช่วยรักษาอาการเหล่านี้ได้เช่นกันค่ะ
2. น้ำมันสน ให้นำผ้าสำลีเนื้อนุ่มหรือผ้าขาวบางชุบน้ำมันสนแล้วแปะไว้บริเวณที่เป็น ช่วงก่อนนอน ทิ้งไว้ข้ามคืน ทำประมาณ 4-5 คืนติดต่อกัน วิธีนี้สามารถรักษาตาปลาได้อย่างดี
3. ใช้พลาสเตอร์ที่มีกรดซาลิไซลิก 40% ปิดส่วนที่เป็นตาปลาทิ้งไว้ 2-3 วัน จากนั้นค่อยแกะพลาสเตอร์ออก แล้วแช่เท้าในน้ำอุ่นเพื่อให้ผิวหนังตรงฝ่าเท้านิ่มลง จะช่วยทำให้ตาปลาหลุดลอกออกไปได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าตาปลาหลุดลอกออกไปยังไม่หมด ก็ให้แปะพลาสเตอร์ซ้ำ แล้วกลับมาแช่น้ำอุ่นอีกครั้ง
4. ใช้ยาแอสไพริน (แต่ไม่ได้ให้ทานนะ) โดยในแอสไพรินก็มีกรดซาลิไซลิกเช่นกัน ก็ช่วยกัดตาปลาได้ (แต่คุณต้องมั่นใจด้วยว่าตัวเองไม่แพ้ยาแอสไพริน) วิธีใช้ก็คือ นำแอสไพริน 5 เม็ดมาบดเป็นผง แล้วผสมกับน้ำมะนาว 12 ช้อนชา และน้ำเปล่าอีก 12 ช้อนชา จากนั้นนำมาป้ายตรงตาปลา แล้วใช้พลาสติกมาห่อไว้ ตบท้ายด้วยการพันผ้าขนหนูอุ่น ๆ ทับอีกชั้นหนึ่ง ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วถอดออก แล้วใช้หินมาขัดเบา ๆ จะช่วยให้ตาปลาลอกออกมา
5. ผ่าตัดหรือใช้เลเซอร์จี้ตาปลาออก เป็นอีกวิธีที่สะดวกรวดเร็ว แต่ก็อาจทิ้งแผลเป็นไว้ และที่สำคัญคือค่ารักษาแพงกว่าวิธีอื่น ๆ แต่วิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่เป็นตาปลาเพราะเกิดจากความผิดปกติของกระดูกที่ทำ ให้กระดูกเสียดสีกัน
6. สูตรยารักษาตาปลา ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้ น้ำมันมะพร้าว 1 ถ้วยตวง น้ำมันการบูร 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันสน 1 ช้อนโต๊ะ หากน้ำมันมะพร้าวเป็นไขให้นำมาอุ่นจนละลายก่อน แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำมันอีก 2 ชนิดตามสูตร กวนให้เข้ากัน แล้วเทใส่ขวดแก้วเก็บไว้ ใช้ทาลงบนตาปลาวันละ 2 ครั้ง ทำเป็นประจำทุกวันเมื่อเริ่มเกิดอาการ เพียงเท่านี้คุณก็มีสุขภาพเท้าที่ดีได้ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก: Share-si
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น