กลิ่นปากแรงมาก แปรงฟันดีแค่ไหนกลิ่นก็ไม่หาย หรือนี่อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณ นิ่วทอนซิล
เคยลองสังเกตตัวเองมั้ยว่าทำไมจู่ๆ ก็มีกลิ่นปากโดยไม่มีสาเหตุ? บางทีนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังจะเป็นโรคนี้ก็ได้นะ…
“นิ่วทอนซิล” (Tonsillolith) ก้อนสีขาวขุ่นหรือสีออกเหลืองขุ่นที่เกิดอยู่บนต่อมทอนซิล โดยเกิดขึ้นในร่องต่างๆ บนตัวตอมทอนซิล ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นมักเป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นปาก โดยนิ่วทอนซิลพบได้บ่อยที่สุดที่ต่อมทอนซิล นอกจากนี้อาจพบในช่องคอหอยหรือช่องคอส่วนอื่นๆเช่น โพรงหลังจมูก
นิ่วทอนซิลเป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่พบได้เรื่อยๆ ในทุกอายุตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาวโดยอาจเกิดกับต่อมทอนซิลเพียงด้านเดียวหรือทั้งซ้าย-ขวาพร้อมๆกัน
สำหรับสาเหตุการเกิดนิ่วทอนซิลยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียหลายชนิดในร่องต่างๆของต่อมทอนซิล จนก่อให้เกิดคราบแบคทีเรียที่เรียกว่า Biofilm เกิดเป็นแก่นให้เกิดการสะสมหมักหมมของซากแบคทีเรียที่ตายแล้ว เศษอาหาร สารคัดหลั่งต่างๆจากโพรงหลังจมูก ภาวะไซนัสอักเสบเรื้อรัง ช่องคออักเสบเรื้อรัง กรดไหลย้อน จากต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง และมีเกลือแร่ต่างๆ มาร่วมจับสะสมจนเกิดเป็นนิ่วทอนซิลขึ้น
นิ่วทอนซิลที่มีขนาดเล็กมักไม่มีอาการ แต่สิ่งที่สร้างความหนักใจให้ผู้ป่วยคือ การมีกลิ่นปาก แต่เมื่อก้อนนิ่วใหญ่ขึ้นนอกจากจะมีกลิ่นปากแล้ว
อาการที่พบได้คือเจ็บคอเรื้อรัง ไอเรื้อรัง, รู้สึกคล้ายมีอะไรติดคอ, มีรสชาติอาหารผิดไป, เมื่อก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่พอเมื่ออ้าปากจะมองเห็นก้อนนิ่วได้ โดยเห็นมีก้อนสีขาวๆ หรือเหลืองๆหรือสีต่างๆในต่อมทอนซิล
การป้องกันนิ่วทอนซิลเป็นเรื่องยาก เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของโรคดังนั้นการป้องกันการอักเสบติดเชื้อของช่องปาก ทอนซิล ช่องคอ และระบบทางเดินหายใจ รวมถึงป้องกันควบคุมรักษาโรคกรดไหลย้อน จึงอาจช่วยลดโอกาสเกิดนิ่วทอนซิลลงได้ ทำได้โดยการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน, รักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน, ป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเช่น โรคหวัด โรคไข้หวัดใหญ่ รวมถึงโรคภูมิแพ้และกรดไหลย้อน
แหล่งที่มา...http://www.healthandtrend.com/healthy/disease/tonsillolith
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น