WHAT'S NEW?
Loading...

เทคนิคทำไก่ต้มน้ำปลาให้หนังตึง ผิวสวย เนื้อแน่น อร่อยที่สุด

Advertisements

Advertisements

เทคนิคทำไก่ต้มน้ำปลาให้หนังตึง ผิวสวย เนื้อแน่น อร่อยที่สุด

ไก่ต้มน้ำปลา เป็นอาหารทานง่ายที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ทานได้ทั้งนั้น สำหรับใครที่ไม่ชอบทานไก่จืดๆ ก็ต้องมาลองทำเมนู “ไก่ต้มน้ำปลา” รสเข้มกันได้เลย วิธีทำง่ายๆ ไม่ได้ยาก ทุกคนก็สามารถทำกินเองได้เองที่บ้าน

เมนูนี้ส่วนใหญ่จะนิยมทำเพื่อไหว้เจ้า หรือจะทำกินเป็นกับข้าว กินเล่นก็ไม่ผิดแต่อย่างใด รวมไปถึงทำขายก็น่าจะได้กำไรดี เทคนิคการต้มไก่ต้มน้ำปลาให้อร่อย หนังตึง ผิวสวย ดูน่ากินเป็นที่สุดจะเป็นอย่างไร ตามมาดูกัน

ส่วนประกอบ

1. ไก่บ้าน 1 ตัว หนักประมาณ  6-8 ขีด
2. น้ำ 6 ถ้วยตวง
3. น้ำปลา 1/2 ถ้วยตวง
4. ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ
5. ซอสปรุงรส 1/4 ถ้วยตวง
6. ข่าหั่น 3 แว่น
7. ตะไคร้ทุบแล้วหั่นเป็นท่อนประมาณ 2 นิ้ว  2 ต้น
8. ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำตาลปีบ 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำไก่ต้มน้ำปลา

1. ล้วงก้นควักเครื่องในไก่บ้านออกให้หมด

2. นำไปลวกในน้ำร้อนให้หนังตึง จากนั้นยกขึ้นมาจะทำให้เส้นขนที่ค้างคาอยู่โผล่ขึ้นมาและสามารถดึงออกมาได้ง่าย

3. ซับน้ำให้แห้ง

4. นำหม้อใส่น้ำขึ้นตั้งไฟแรง ปรุงรสด้วยใส่น้ำปลา, ใบมะกรูดฉีก, ซอสปรุงรส, ข่าหั่น, ตะไคร้ทุบ, ซีอิ้วดำ และน้ำตาลปีบ

5. ใส่ไก่ลงไปได้เลยโดยไม่ต้องรอให้น้ำเดือด ใช้ไฟกลางระหว่างต้ม และคอยหมั่นตักฟองทิ้งเสมอ
หมายเหตุ : ต้องระวัง ! ถ้าใช้ไฟแรงมากไปหนังไก่จะฉีกไม่สวย

6. เมื่อต้มไปประมาณ 1/2 ชั่วโมง ให้ใช้ส้อมแทงดูบริเวณหน้าอกส่วนที่มีเนื้อหนาที่สุด เพื่อเช็คว่าไก่สุกทั่วทั้งตัวดีแล้วหรือไม่

7. ยกขึ้นจากหม้อ พร้อมเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสามรสหรือน้ำจิ้มซีฟู้ดได้เลย

เทคนิคพิเศษที่ต้องรู้! ในการทำ “ไก่ต้มน้ำปลา”

1 ถ้าต้องการให้ไก่ต้มมีสีสวยก็ให้ใส่ขมิ้นลงไปด้วย 1 ช้อนโต๊ะ ไก่จะมีสีเหลืองสวยน่ารับประทานมากขึ้น
2 ถ้าจะต้มไก่ให้สวย ผิวหนังไก่ตึงและแข็ง ให้ใช้ไก่สามสายพันธุ์

วิธีที่ว่านี้ช่วยให้คุณได้รับประทานไก่ต้มน้ำปลาเนื้อแน่นๆ รสนุ่มๆ ได้แบบจุใจ กินกันได้ทั้งครอบครัวแบบอิ่มหนำสำราญ วิธีการทำก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แต่ต้องอย่าลืมเลือกวัตถุดิบที่ดี และทำตามขั้นตอนง่ายๆที่กล่าวมานี้ เพียงเท่านี้ก็จะได้กินไก่ต้มน้ำปลาแสนอร่อยแล้ว  จะกินไก่เปล่าๆก็เพลิน หรือกินกับข้าวสวยร้อนๆก็อร่อยได้ใจทั้งนั้น….ลองเอาไปทำกันดูนะคะ


ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก paicooker.blogspot.com  / http://www.khaoza.net/2016/07/blog-post_32.html

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น