เครื่องดื่ม 3 อย่างนี้ ห้ามใส่ไว้ในกระติกเก็บความร้อนเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
ควรระวัง!! อันตรายจากของใกล้ตัว เผย 3 สิ่งที่เราไม่ควรใส่ใน “กระติกเก็บความร้อน” เด็ดขาด!! อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เสียสุขภาพอีกด้วย…
“กระติกเก็บความร้อน” หลายคนใช้งานกันเป็นประจำ ใช้เก็บน้ำร้อนไว้ดื่ม หรือไว้พกพาสำหรับการเดินทางไกลๆ แต่รู้หรือไม่ว่ามันมีสิ่งที่ไม่ควรใส่ในกระติกเก็บความร้อนด้วยนะ เพราะจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้างที่ไม่ควรใส่…
1. ไม่ควรใส่ของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นกรดในกระติกเก็บความร้อน
เนื่องจากฤทธิ์ของกรดอาจจะทำให้สารที่เคลือบอยู่บนกระติกนั้นเสื่อมสภาพและหลุดลอกออกมาและอาจจะเป็นพิษต่อร่างกายเราได้
2. ไม่ควรใส่นมในกระติกเก็บความร้อน
ผู้คนส่วนใหญ่ชอบใส่นมอุ่นๆไว้ในกระติกเก็บความร้อนเพื่อที่จะรักษาอุณหภูมิไว้ แต่ถ้าหากเราทำแบบนั้นแล้ว จะทำให้แบคทีเรียที่อยู่ในนมนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจจะทำให้เราท้องเสียได้ อีกทั้งนมนั้นยังมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อน ซึ่งอาจทำให้กระติกเสื่อมคุณภาพและทำให้เกิดสารพิษได้ นอกจากนั้นน้ำผลไม้ก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรนำไปใส่ในกระติกเก็บความร้อนด้วยเช่นกัน
3. ไม่ควรต้มชาในกระติกน้ำร้อน
วิธีการต้มชาที่ดีที่สุดนั้นควรจะต้มในอุณหภูมิ 80℃ และถ้าหากต้มชาไว้เป็นระยะเวลานานเกินไปใบชาจะสร้างสารที่ทำลายวัสดุที่เคลือบอยู่บนผิวกระติกน้ำได้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ชาเสียรสชาติ ยังไม่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย
เทคนิคง่ายๆในการเลือกซื้อกระติกเก็บความร้อน
1. วิธีตรวจสอบว่ากระติกนั้นเก็บอุณหภูมิได้ดีหรือไม่
นำกระติกไปบรรจุน้ำร้อนแล้วปิดฝา รอซักประมาณ2-3นาที แล้วจับตัวกระติกว่ามีความร้อนหรือเปล่า ถ้าจับดูแล้วรู้สึกว่ากระติกร้อนๆแสดงว่าตัวฉนวนกันความร้อนไม่ดีเท่าที่ควร
2. วิธีตรวจดูว่าฝากระติกมีน้ำรั่วหรือไม่
นำกระติกไปบรรจุน้ำและปิดฝา จากนั้นออกแรงเขย่าและดูว่ามีน้ำรั้วซึมออกมาหรือไม่
3. วิธีตรวจดูว่าตัวกระติกนั้นปลอดเชื่อหรือสารพิษหรือไม่
โดยส่วนใหญ่แล้วชิ้นส่วนตรงฝาปิดของตัวกระติกจะเป็นพลาสติกหรือยางซึ่งเมื่อเราใช้งานไปนานๆก็อาจจะเสื่อมสภาพได้ เราจะสังเกตได้จากกลิ่นของวัสดุเหล่านี้ถ้าเกิดว่าคุณภาพไม่ดี เมื่อตอนโดนความร้อนจะมีกลิ่นแปลกๆออกมา
สิ่งของใกล้ตัวที่หลายคนแทบจะขาดไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสิ่งที่เราต้องระวังเกี่ยวกับการใช้กระติกเก็บความร้อนมากขนาดนี้ ต่อไปก็คงต้องระวังการใช้งานให้มากกว่านี้
ที่มา : http://www.liekr.com/post_140710.html
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น