WHAT'S NEW?
Loading...

หอมแดง ช่วยลดไขมันในเลือด รักษาสิว และลดรอยด่างดำ

Advertisements

Advertisements
หอมแดง ช่วยลดไขมันในเลือด รักษาสิว และลดรอยด่างดำ

หอมแดง (Shallot) มีสรรพคุณทางยา มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ การบริโภคหอมแดงเป็นประจำจึงสามารถลดระดับคลอเรสเตอรอล

และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ลดไขมันในเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ สารในหอมแดงมีคุณสมบัติต้านหรือยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์และแบคทีเรียด้วย

วิธีใช้หอมแดงตามแบบโบราณไทย

ใช้หอมแดงแก้หวัดโดยใช้หัวหอมตำ สุมหัวเด็ก ลดอาการคัดจมูก แก้ไข้อ่อนๆ เหมาะใช้กับทารก


หัวหอมสด 15-30 กรัม ต้มเอาน้ำกินแก้ท้องเดิน ท้องอืดแน่น ขับลม


น้ำหัวหอมใช้ดมเวลาเป็นลม เป็นยาบำรุงหัวใจ


นำหัวหอมมาย่างไฟ หรือฝานบางๆ ใช้พอกแผล ฝีหรือสิว ลดอาการอักเสบ แก้บวมช้ำ ทำให้ร่างกายอบอุ่น ขับเหงื่อ


นำมา “รักษาสิวและลดรอยด่างดำ” ได้ด้วยวิธีนำหัวหอมแดงที่ล้างสะอาดแล้วมาฝาน ให้เป็นแว่นบาง ๆ ใช้ทา หรือแปะไว้ที่บริเวณที่เป็นสิว ฝ้า หรือ จุดด่างดำ หรือวางแว่นหอมแปะไว้บนรอยบวมจากการบีบสิวหรือรอยด่างดำบนใบหน้า ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก

ทำเช่นนี้ทุกวันประมาณหนึ่งสัปดาห์ สิว ฝ้า หรือจุดด่างดำจะจางลง หากไม่ใช้วิธีฝานเป็นแว่นสามารถคั้นเอาเฉพาะน้ำของหัวหอมแล้วนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อดับกลิ่นและลดความซ่าที่อาจทำให้แสบผิว จากนั้นนำมาทาเม็ดผดผื่นคันหรือทาใบหน้าก่อนเข้านอนทุกวันจะช่วยฆ่าเชื้อ แบคทีเรียและลดความมันบนใบหน้า จึงไม่ก่อให้เกิดสิว


ส่วนข้อควรระวังในการใช้ประโยชน์ จากน้ำหอมแดงคือ ในหัวหอมแดงจะมีสารกำมะถันซึ่งทำให้แสบตา แสบจมูกและทำให้ผิวหนังมีอาการระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อน จึงไม่ควรทาบริเวณจุดที่ใกล้เคียงกับที่กล่าวมา



เกร็ดความรู้หั่นหอมอย่างไรไม่ให้ร้องไห้


เมื่อเราหั่นหอม จะเกิดแก๊สที่ระเหยง่าย ฟุ้งกระจายในอากาศ


เข้าสู่ตาและจมูก ทำให้ดวงตาเกิดการระคายเคือง น้ำตาไหล


กลเม็ดในการป้องกันน้ำตาไหลเวลาหั่นหอม มีวิธีที่น่าลองดังนี้


ลอกเปลือกหอมและแช่ในตู้เย็น ประมาณ 30 นาที ก่อนที่นำมาหั่นเพื่อลดอุณหภูมิในการระเหยของแก๊ส


หั่นหัวหอมใต้น้ำไหล เพื่อให้แก๊สละลายน้ำไป


ล้างมือและหัวหอมให้เปียกก่อนหั่น เพื่อให้น้ำที่มือและหัวหอมทำปฏิกิริยาเคมีกับแก๊ส


หั่นหัวหอมใต้พัดลมดูดควัน เพื่อกำจัดแก๊สที่เกิดขึ้นค่ะ





โดย...ทางแพทย์สายพุทธ / ขอขอบคุณข้อมูลจาก baanjomyut


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น