WHAT'S NEW?
Loading...

ก้างปลาติดคอทำยังไงดี มาดูกันเลยกับวิธีง่ายๆ

Advertisements

Advertisements

บีบมะนาวละลายก้าง มะนาวมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งคนก็เลยคิดว่าถ้าเรากินมะนาว หรืออมน้ำมะนาวไว้ให้มันค่อยๆไหลลงคอไปจะช่วยให้ก้างปลามันอ่อนตัวและหลุดออกไปในที่สุด ซึ่งความจริงแล้วมันก็ช่วยได้บ้างแต่เฉพาะกับก้างปลาที่อ่อน ขนาดไม่ใหญ่มากนักเท่านั้น

และต้องเป็นก้างที่ปักลงไปที่คอไม่ลึกมากถึงจะใช้วิธีนี้ได้ผล แต่ถ้าเจอก้างอันใหญ่ๆฝังลึกๆน้ำมะนาวนี้เห็นทีจะช่วยไม่ได้จริงๆ

กลืนข้าวเหนียวให้มันกลิ้งเอาก้างลงท้องไป วิธีกลืนข้าวเหนียวนั้นเป็นวิธีจัดการก้างปลาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ วิธีก็ให้ปั้นข้าวเหนียวให้พอดีกับหลอดลม จากนั้นก็กลืนลงคอไป โดยให้ก้อนข้าวเหนียวมันกลิ้งลงคอไปแล้วพาก้างปลาติดลงท้องไปด้วย วิธีนี้ก็เหมือนกับข้างบน คือใช้ได้ผลกับก้างปลาเส้นเล็กๆ และปักอยู่ไม่ลึกมาก ถ้าก้างปลาปักอยู่ที่คอลึก การกลืนข้างเหนียวนี้จะยิ่งทำให้ก้างปลาฝังลึกลงไปที่คอมากขึ้น และอาจจะทำให้หลอดอาหารอักเสบ หรือเป็นหนองขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นหากจะใช้วิธีนี้จัดการก้างที่คอต้องระวังให้ดีๆ

ใช้มือล้วงดึงก้างปลาออกมา เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยแต่ได้ผลดีที่สุด ก็คือใช้นิ้วมือของเรานี่แหละล้วงเข้าไปในคอและดึงก้างปลาออกมาเลย วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาก้างปลาติดคอได้เป็นอย่างดี แต่ว่ามันทำยากเพราะนิ้วมือของคนเรามันใหญ่ การจะล้วงเข้าคอไปลึกๆนั้นทำได้ยาก อีกอย่างต้องส่องดูตำแหน่งก้างที่ติดคอให้ดีว่าอยู่ตรงไหน ขืนล้วงบ่อยๆอาจจะอ้วกออกมาก็ได้

ช้ตะเกียบคีบก้างปลาออกมา วิธีนี้ก็จะคล้ายๆกับการใช้มือล้วง แต่เปลี่ยนจากมือเป็นตะเกียบ บางคนก็จะใช้ไม้ไผ่ผ่าที่หัวให้เป็นแง่ง แล้วก็สอดเข้าคอไปคีบเอาก้างปลาออกมา ก็เป็นอีกวิธีที่ดีแต่ก็ทำยากอยู่เหมือนกัน

หาหมอให้หมอคีบก้างออกให้ สุดท้ายถ้าก้างปลามันไม่ออกจริงๆ ก็ควรไปหาหมอให้หมอจัดการดีที่สุด วิธีที่หมอใช้ก็คือใช้เครื่องมือคีบก้างปลาออกมานั่นแหละ แต่หมอเค้าจะมีความชำนาญ และรู้สรีระภายในช่องคอดีกว่าพวกเรา เรียกว่ารู้เหลี่ยมเข้าว่างั้นเถอะ หากเอาไม่ออกจริงๆก็อย่าทิ้งไว้นาน รีบไปหาหมอโดยด่วน ไม่งั้นหลอดอาหารอักเสบ ทีนี้รักษากันยาวเลย

กรณีที่ก้างปลาติดอยู่ที่คอไม่ลึกก็พอจะจัดการได้ไม่ยาก แต่ถ้ามันอยู่ลึกแบบมองไม่เห็นเลย และรู้สึกเจ็บคอมากๆก็ไม่ต้องลองวิธีที่ว่าแล้ว ไปหาหมอให้หมอเอาก้างปลาออกให้จบไปเลยดีกว่า เสียเงินนิดหน่อยแต่ก็ปลอดภัย 100% ผมว่าคุ้มนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก healthbeautydd

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น